โทร: 096-187-5888เพื่อรับสิทธิ รักษาฝ้าฟรี 1 ครั้ง

หน้าเป็นฝ้าเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง แล้วจะป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดฝ้าเพิ่มเติม

Share

สารบัญ

หน้าเป็นฝ้าเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง แล้วจะป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดฝ้าเพิ่มเติม

หน้าเป็นฝ้า (Melasma) เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งลักษณะที่บ่งบอกได้ชัดเจนก็คือแถบหรือปื้นสีเข้มคล้ำ สีน้ำตาล เทา หรือสีน้ำเงินบนใบหน้าและลำคอ โดยตำแหน่งที่พบบ่อยก็ได้แก่โหนกแก้มทั้งสองข้าง จมูก และเหนือริมฝีปาก แม้ฝ้าจะไม่ใช่ปัญหาสุขภาพที่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็ส่งผลต่อรูปลักษณ์หน้าตา ตลอดจนความมั่นใจของเราไม่น้อย ทั้งนี้ ฝ้าบนใบหน้านั้นเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ซึ่งในบทความนี้เราก็จะพูดถึงสาเหตุการเกิดฝ้าที่พบได้ค่อนข้างบ่อย รวมไปถึงวิธีป้องกันไม่ให้ หน้าเป็นฝ้า ลุกลามหรือรุนแรงขึ้นอีกด้วย

ปัจจัยที่ทำให้ หน้าเป็นฝ้า

ฝ้าเกิดจากการที่ผิวหนังมีการสร้างเม็ดสีเมลานินมากผิดปกติ ซึ่งเรียกว่าภาวะ Hyperpigmentation ทำให้ปรากฏเป็นแถบปื้นคล้ำขึ้นมาบนผิว โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะดังกล่าว ได้แก่

1. การสัมผัสรังสี UV ในแสงแดด รังสี UV ในแสงอาทิตย์เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้ผิวมีการสร้างเมลานินมากขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองจากความเสียหาย คนที่ต้องออกแดดทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นประจำโดยไม่มีการป้องกัน หรืออาศัยอยู่ในแถบที่รังสี UV มีความเข้มสูง จึงมีโอกาสเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้มากกว่าคนอื่น

2. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ภาวะที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนแปรปรวนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด หน้าเป็นฝ้า ได้ ตัวอย่างเช่น ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในขณะที่ตั้งครรภ์ กินยาคุมกำเนิดบางชนิด หรือมีการรักษาด้วยการใช้ฮอร์โมน ด้วยเหตุนี้ คนที่ตั้งครรภ์จึงมักเกิดฝ้าบนใบหน้าในขณะตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตาม ฝ้าที่เกิดจากสาเหตุนี้มักจางลงและหายได้เองเมื่อระดับฮอร์โมนในร่างกายกลับมาสู่จุดสมดุล

3. พันธุกรรม ภาวะที่ผิวหนังสร้างเม็ดสีเมลานินมากผิดปกติถือเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ คนที่มีประวัติคนในครอบครัว อย่างพ่อแม่ พี่น้อง หรือปู่ย่าตายายเป็นฝ้า จึงมีโอกาสจะเกิดฝ้าบนใบหน้าได้มากกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยอื่นมากระตุ้นเพิ่มเติมด้วย

4. ลักษณะและสีผิว คนที่มีโทนสีผิวเข้มหรือผิวคล้ำ มักมีความเสี่ยงต่อการเกิดฝ้าได้มากกว่าคนผิวขาว เนื่องจากเซลล์เมลาโนไซต์ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิวหนังมักมีการทำงานที่มากกว่านั่นเอง

5. การใช้ยาบางชนิด ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวเกิดอาการไวต่อแสงหรือร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เมื่อใช้ยาเป็นประจำจึงอาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างเช่น ยากันชัก (Anticonvulsant) ยาแก้อักเสบชนิดไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาลดน้ำตาลในเลือด (Hypoglycaemics) และยารักษาอาการทางจิต (Antipsychotics) เป็นต้น

6. สกินแคร์และเครื่องสำอางบางตัว ผลิตภัณฑ์สกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานบางตัวอาจมีส่วนผสมที่มีฤทธิ์รุนแรงซึ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบระคายเคือง อันเป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้ผิวมีการสร้างเมลานินมากขึ้นตามมาด้วย โดยสารอันตรายที่ควรระวังเป็นพิเศษก็ได้แก่ สารปรอท สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน รวมถึงสารออกฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีความเข้มข้นสูงเกินไป

7. ความเครียด ความเครียดสะสมและการพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะฮอร์โมนแปรปรวน ซึ่งมีผลทำให้เกิดฝ้าในทางอ้อมได้เช่นเดียวกัน

วิธีป้องกัน หน้าเป็นฝ้า ทำอย่างไร?

เมื่อเราทราบถึงปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดฝ้ากันไปแล้ว มาดูกันว่าเราจะมีวิธีป้องกันฝ้าบนใบหน้าไม่ให้ลุกลามหรือรุนแรงขึ้นได้อย่างไรบ้าง

ปกป้องผิวจากแสงแดด

การป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับรังสี UV จากแสงแดดมากเกินหรือเป็นเวลานานเกินไป จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าขึ้นใหม่ได้ โดยวิธีการป้องกันแดดที่เราควรทำเป็นประจำสม่ำเสมอ ได้แก่

  • ทาผลิตภัณฑ์กันแดดประเภท broad-spectrum ที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB และมีการกันแดดหรือ SPF สูงเพียงพอ โดยต้องทาเป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดดหรือไม่ได้ออกไปกลางแจ้ง
  • สวมหมวก แว่นตา และร่มกันแดด เมื่อต้องออกไปเผชิญแสงแดดจัดเป็นเวลานาน
  • พยายามหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่มีแดดจัดมากๆ โดยเฉพาะเวลา 10.00 – 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่รังสี UV มีความเข้มสูง

จัดการกับสมดุลฮอร์โมน

ภาวะฮอร์โมนแปรปรวนเป็นเรื่องที่จัดการได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะถ้าร่างกายมีความผิดปกติหรือสภาวะบางอย่างอยู่แล้ว เช่น การตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปกติเราก็สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่มากเกินไปได้ โดยการระมัดระวังในการใช้ยาคุมกำเนิดและยาที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน หรือหากมีปัญหาหน้าเป็นฝ้าอยู่แล้ว ก็อาจลองปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางปรับเปลี่ยนตัวยาให้ส่งผลต่อการเกิดฝ้าน้อยลง

สรุป

จะเห็นได้ว่าปัญหาหน้าเป็นฝ้านั้นอาจเกิดได้จากสาเหตุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญแสงแดด พันธุกรรม สีผิว การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือแม้แต่ความเครียด ซึ่งการระมัดระวังและหาทางป้องกันปัจจัยเหล่านี้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าบนใบหน้า ชะลอไม่ให้ปัญหาฝ้าที่มีอยู่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม รวมถึงช่วยให้สุขภาพผิวโดยรวมดีขึ้นอีกด้วย

บทความนี้เขียนโดย คุณหมอใบเฟิร์น หัวหน้าทีมแพทย์ Chuladoctor  แพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แพทย์ผู้มีประสบการณ์และความเข้าใจด้านการฟื้นฟูผิวหน้า และ ฟื้นฟูสุขภาพจากภายใน

สนใจปรึกษาฟรี
model

รับคำปรึกษาและรับ

สิทธิพิเศษ