SMAPS Treats Acne Scar Sensitive Skin and Chronic Acne
รักษาหลุมสิว ผิวแพ้ง่าย และปัญหาสิวเรื้อรัง
SMAPS เทคนิคการรักษาหลุมสิว ผิวแพ้ง่าย และ ปัญหาสิวเรื้อรังขั้นสูง สิทธิบัตรเฉพาะของ Chuladoctor Anti-Aging Center
รู้จักกับ SMAPS นวัตกรรมการรักษาหลุมสิวขั้นสูงคืออะไร แตกต่างจากวิธีอื่นอย่างไร?
SMAPS เทคนิคการรักษาหลุมสิวขั้นสูงที่คิดค้นโดยทีมแพทย์จุฬาและได้รับการจดสิทธิบัตรสิทธิแรกในประเทศไทย เป็นนวัตกรรมการรักษาหลุมสิวสิวและปัญหาผิวแพ้ง่ายโดยการแก้ปัญหาถึงเซลล์ผิวหนังด้านในในระดับเซลล์ เพราะเราเชื่อว่าการเกิดปัญหาสิวเรื้อรังบ่อย ๆ จนทำให้เกิดหลุมสิวตามมา หรือปัญหาผิวแพ้ง่ายบ่อย ๆ จนกิดรอยดำรอยแดงสิวตามมา นั่นเกิดจากเซลล์ผิวข้างในไม่แข็งแรง หรือเสื่อมสภาพไปตามวัย หรือปัญหาฮอร์โมนความเครียดบางอย่างที่เราไม่รู้ตัว
ทางทีมแพทย์ Chuladoctor Anti-Aging Center จึงได้พัฒนานวัตกรรมเทคนิคการรักษาแบบใหม่ชื่อว่าเทคนิค SMAPS ขึ้นมา เพื่อที่จะจัดการปัญหาสิวหลุมสิวและผิวแพ้ง่ายอย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์แก้ปัญหาให้ตรงจุดที่สุดโดยไม่ทำให้ปัญหากลับมาเป็นซ้ำ และไม่เสี่ยงผิวบาง เป็นนวัตกรรมเซลล์ซ่อมเซลล์แบบ Ultra-Premium Quality รักษาอย่างตรงจุด ไม่ใช้ความร้อน ไม่เสี่ยงผิวบาง ไม่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ไม่เกิดสะเก็ดหรือแผลเป็นหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้นหน้านาน และที่สำคัญเห็นผลในระยะยาวอย่างยั่งยืน คุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ปัญหาสิวเรื้อรัง ปัญหาหลุมสิว ผิวแพ้ง่าย ที่เคยผ่านการรักษามาหลายวิธีแล้วยังไม่เห็นผล
4 ปัญหา “สิว” ที่เหมาะกับการรักษาด้วยเทคนิค SMAPS
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิวเรื้อรัง ปัญหาหลุมสิวและผิวแพ้ง่าย ที่เหมาะกับการรักษาปัญหาด้วยเทคนิค SMAPS มีอยู่ 4 กลุ่มดังต่อไปนี้
ผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง หลุมสิวเรื้อรังหรือผิวแพ้ง่ายเรื้อรังที่รักษาไม่หายสักที
สิวเรื้อรัง มักเป็นสิวที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ บริเวณเดิม ๆ รักษามาหลายวิธีหรือรักษามานานเท่าไรก็ยังไม่ยอมหายขาดสักที โดยมากมักเป็นการอักเสบเรื้อรังของ รูขุมขน (follicles) และต่อมไขมัน (sebaceous gland) ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อของสิว การมีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว หรือการที่ผิวหนังอักเสบจากอาการแพ้สารเคมีหรือแพ้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นง่ายในผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือแพ้ง่าย
ผู้ที่มีปัญหาสิวประเภทต่าง ๆ
โดยปกติแล้วปัญหาสิวมีหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ สิวความเครียด สิวไม่ทราบสาเหตุ และสิวจากภูมิแพ้บางชนิดซึ่งเป็นกลุ่มสิวที่รักษาได้ยากที่สุด ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละปัจจัยที่เป็นตัวการทำให้เกิดสิวบนใบหน้า การรักษาที่ไม่ตรงจุดอาจยิ่งทำให้ปัญหาสิวรุนแรงขึ้น และอาจมีส่วนทำให้สเต็มเซลล์ในชั้นผิวทำงานลดลงหรือทำงานผิดปกติ
ผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย หรือมีปัญหาผิวบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
การรักษาสิวในผู้ที่มีผิวบอบบาง ระคายเคืองหรือแพ้ง่าย เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ไปกระตุ้นให้ผิวเกิดอาการแพ้ หรือทำให้ผิวยิ่งอ่อนแอลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ การรักษาด้วย SMAPS จึงตอบโจทย์เพราไม่ทำให้ชั้นผิวบาง แต่กลับกันยังช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในให้ผิวแข็งแรงขึ้น
ผู้ที่มีอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป ประสบปัญหาเรื่องของการพักผ่อนน้อย มีความเครียดสูง
ปัจจัยเรื่องอายุที่เพิ่มมากขึ้น การนอนพักผ่อนน้อย หรือมีความเครียดทั้ง 3 ปัจจัยนี้ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สเต็มเซลล์ ในชั้นผิวทำงานลดลงและภูมิคุ้มกันบกพร่องลงจนทำให้เกิดปัญหาสิวเรื้อรังตามมาได้
6 ประเภทประเภทของสิวที่รักษาค่อนข้างยากที่เหมาะกับการทำตัวเทคนิค SMAPS
- สิวฮอร์โมนสิวความเครียด
- สิวสเตียรอยด์
- สิวพันธุกรรม
- สิวจากปัญหาวัยทอง
- สิวจากภูมิแพ้บางชนิด
- สิวจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
5 เหตุผลดี ๆ ทำไมคุณต้องเลือกวิธี SMAPS ในการรักษาปัญหาหลุมสิว สิว และผิวแพ้ง่าย
- แก้ปัญหาลึกถึงระดับเซลล์
- ไม่ใช้ความร้อน ไม่ต้องพักฟื้นหน้านาน
- ไม่เสี่ยงผิวบาง หรือทำให้ผิวแพ้ง่าย sensitive ไวต่อแสงหลังทำ
- เห็นผลระยะยาวอย่างยั่งยืน ช่วยทำให้สิวไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
- ฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์ หน้าเด็กลง แข็งแรงลึกจากภายในสู่ภายนอก
โปรแกรม “SMAPS” นวัตกรรมเซลล์ซ่อมเซลล์แบบ Ultra-Premium Quality ทางออกของปัญหา “หลุมสิว” และ “สิวเรื้อรัง”
- ซ่อมแซมผิวลึกถึงระดับเซลล์ จบปัญหาสิวเรื้อรังที่เป็นมานาน
- ช่วยปลอบประโลมและดูแลผิวที่เป็นหลุมสิวให้กลับมาตื้นขึ้น
- ไม่เสี่ยงทำให้ผิวบาง ไม่ทำให้ผิวแพ้ง่าย หรือไวต่อแสง
- หยุดวงจรสิวซ้ำซาก ให้หน้ากลับมาใสและมั่นใจมากขึ้น
FAQ
Q: รักษาหลุมสิวแล้วผิวหน้าสามารถเรียบเนียนได้ 100% หรือไม่ ?
A:เมื่อผิวหน้าเป็นหลุมสิวแล้วจะไม่สามารถกลับมาเรียบเนียนแบบ 100% ได้ แต่หลุมสิวจะตื้นขึ้นตามการรักษา หากเป็นหลุมสิวที่ไม่รุนแรงมาก Rolling Scar , Box Scar สามารถกลับมาเรียบเนียนได้ถึง 60-80 % แต่ถ้าเป็นหลุมสิวชนิด Icepick Scar สามารถเรียบเนียนได้เพียง 50%-70% ขึ้นกับความรุนแรงและชนิดของหลุมสิวที่เป็น
Q: เทคนิค SMAPS ดีกว่าการใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิวอย่างไร ?
A: เทคนิค SMAPS ไม่ใช้ความร้อนในการรักษาจึงไม่เสี่ยงทำให้เกิดผิวบาง และไม่ต้องพักฟื้นใบหน้านาน ไม่เกิดสะเก็ดแผลเป็นหลังทำด้วย แต่การทำเลเซอร์จะเป็นการใช้ความร้อนระดับสูงเพื่อให้หลุมสิวตื้นขึ้น จึงทำให้ผิวหน้าบาง และไม่แข็งแรง ในอนาคตอาจจะเกิดฝ้า กระ และมีปัญหาผิวหน้าอื่นๆได้
Q: ข้อดีของ SMAPS ที่ดีกว่าการฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิว ?
A: การใช้ฟิลเลอร์เติมเต็มหลุมสิวเป็นการเห็นผลแค่ระยะสั้นเท่านั้น เมื่อฟิลเลอร์สลายตัวไปหลุมสิวจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือลึกมากกว่าเดิม แต่การใช้ SMAPS เป็นการสร้างคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างผิวหน้าใหม่ซึ่งเห็นผลยั่งยืนในระยะยาว
Q: หลังทำ SMAPS ต้องพักหน้ากี่วัน ?
A: หลังทำเทคนิค SMAPS โดยปกติแล้วควรเลี่ยงแดด 2-3 วัน หลังจากนั้นสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย
Q: หลังทำ SMAPS แล้วหลุมสิวจะกลับมาเป็นซ้ำหรือไม่ ?
A: หลังทำเทคนิค SMAPS ผิวหน้าจะสร้างคอลลาเจนมากขึ้น มีเซลล์ผิวหน้าเกิดใหม่ และหลุมสิวจะไม่กลับมาเป็นซ้ำเหมือนกับเทคนิคอื่นๆ
ผลการรักษา
ปัญหาเรื่องของ “สิว” ไม่ว่าจะเป็นหลุมสิว สิวเรื้อรัง หรือสิวประเภทต่าง ๆ ที่เป็นมานาน รักษามาหลายวิธีแต่ก็ไม่เห็นผลในระยะยาว เพราะสุดท้ายแล้วสิวก็วนกลับมาเป็นซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงทำให้ผู้ที่มีปัญหาสูญเสียความมั่นใจและเสียบุคลิก จนพลาดโอกาสสำคัญในชีวิต หรือทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นจึงต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมและไม่ทำให้ผิวเสี่ยงต่อปัญหาอื่น ๆ ตามมา อย่างที่ Chuladoctor Anti-Aging Center ทุกท่านจะได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมออกแบบโปแกรมการรักษาอย่างตรงจุดและเหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และค่อย ๆ เห็นผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว หรือปัญหาผิวที่รักษามานานก็ยังไม่หาย สามารถเข้ามารับคำแนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้ที่ Chuladoctor Anti-Aging Center ชั้น 3 ห้าง ดิ เอสพลานาดรัชดา ติด MRT ศูนย์วัฒนธรรม ทางออก 3